การใช้เมล็ดพันธุ์ธรรมาติ

การเลือกเมล็ดพันธุ์ผัก
      1 เป็นเมล็ดพันธุ์ที่ยังใหม่เก็บไว้ไม่นาน
      2 เป็นเมล็ดพันธุ์ที่สะอาดไม่มีสิ่งเจือปน
      3 เป็นเมล็ดพันธุ์ที่สมบูรณ์ไม่มีโรคหรือแมลง
      4 เป็นเมล็ดพันธุ์ที่เปอร์เซ็นต์การงอกสูง
      5 เป็นเมล็ดพันธุ์ที่ตรงกับพันธุ์ที่ต้องการใช้เมล็ดพันธุ์ที่ได้จากการผสมเกสรตามธรรมชาติ (Use of Open Pollinated Seeds)

ปัจจุบัน เกษตรกรส่วนใหญ่มักซื้อเมล็พันธุ์จากบริษัทผู้ผลิต ซื่งมักมีราคาแพงและส่วนใหญ่เป็นเมล็ดพันธุ์ลูกผสม (F1-Hybrid) ซื่งผลิตโดยวิธีเกษตรเคมและคลุกสารเคมีในกระบวนการเก็บรักษา ซึ่งไม่ปลอดภัยสำหรับการบริโภคและสิ่งแวดล้อม ผลผลิตของเมล็ดพันธุ์ลูกผสมเหล่านี้ส่วนใหญ่ไม่สามารถนำไปใช้เป็นเมล็ดพันธุ์เพื่อปลูกต่อ ทำให้เกษตรกรต้องหาซื้อเมล็ดพันธุ์ใหม่ทุกครั้งที่ต้องการปลูกพืช ผลการศึกษาวิจัย4 ชี้ว่าร้อยละ 95 ของสายพันธุ์พืชในโลกได้สูญพันธุ์ไปเพราะการทำเกษตรเคมีและการใช้เมล็ดพันธุ์ลูกผสม รวมทั้งเมล็ดพันธุ์จากการตัดแต่งพันธุกรรม (GMO) เมล็ดพันธุ์ลูกผสมไม่ได้ให้ผลผลิตสูงอย่างที่มีการโฆษณาไว้ทั้งหมด แต่ทำให้เกษตรกรมีต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น เพราะต้องหาซื้อมาในราคาแพงเนื่องจากถูกผูกขาดโดยของบริษัทเพียงไม่กี่รายในโลก และยังต้องใช้ทรัพยากรมากกว่าในการปลูก โดยเฉพาะพืชจีเอ็มโอที่ต้องใช้สารเคมีการเกษตรเพิ่มขึ้นอย่างมากในการปลูก แต่หากดินมีความอุดมสมบูรณ์แล้ว การใช้เมล็ดพันธุ์ลูกผสมพิเศษเพื่อให้ได้ผลผลิตที่ดีก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป เพราะโดยทั่วไปแล้วเมล็ดพันธุ์ท้องถิ่นที่มีการคัดพันธุ์จากการผสมเกสรตามธรรมชาติมักสามารถต้านทานโรคและแมลงได้ดี อีกทั้งยังต้องการปุ๋ยเพียงเล็กน้อย และสามารถให้ผลผลิตที่ดีเยี่ยมอยู่แล้ว

การส่งเสริมให้เกิดการผสมเกสรของพืชโดยวิธีธรรมชาติ เพื่อให้ได้เมล็ดพันธุ์ที่แข็งแรงทนทานต่อโรคและแมลงศัตรูพืชในสภาพแวดล้อมของท้องถิ่นมาเพาะปลูกต่อ จะทำให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพมากขึ้น เมื่อนำเมล็ดไปปลูกต่อก็จะได้ต้นลูกที่มีลักษณะและให้ผลผลิตเหมือนหรือใกล้เคียงต้นพ่อแม่ นอกจากนี้ การส่งเสริมการผสมเกสรพืชแบบเปิดยังช่วยให้มีพืชพันธุ์ที่หลากหลายและเป็นการอนุรักษ์ความหลากหลายทางพันธุ์กรรมในโลกด้วย        
     







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น